วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

อาหารบำรุงสมองและระบบประสาท

อาหารบำรุงสมองและระบบประสาท

         สมองต้องการสารอาหารเพื่อใช้ในการทำงาน ซึ่งความสามารถในการทำงานของสมองเกิดจากการสื่อสารกันระหว่างเซลส์ประสาทในสมอง โดยการสื่อสารเกิดขึ้นได้โดยการอาศัยสารเคมีที่สมองสร้างขึ้นเรียกว่า สารสื่อประสาท ทำหน้าที่ส่งต่อข้อมูลระหว่างเซลส์ประสาทในสมองที่มีอยู่นับล้านๆเซลส์ การสร้างสารสื่อประสาทที่ช่วยเพิ่มการขับเคลื่อนการทำงานของสมอง การควบคุมอารมณ์ การรับประทานอาหาร และการนอนหลับ ส่งผลให้สมองและความคิดทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น สารอาหารเหล่านี้ ได้แก่ DHA /
ARA / Omega 3 / Omega 6 / Lutein / Choline / Taurine / Iron / Zinc /Vitamin B12

อาหารที่จำเป็นต่อระบบประสาทและสมอง
  1.) อาหารทะเล
  2.) เครื่องในสัตว์
  3.) น้ำมันพืช
  4.) ผักใบเขียว
  5.) นม
  6.) ไข่แดง
  7.) ถั่วเหลือง
  8.) ตับ

10 วิธี คลายเครียด

10 วิธี คลายเครียด


        การรู้จักผ่อนคลายคยวามเครียดจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนอกจากจะช่วยคลายเครียด และเสริมสร้างสุขภาพจิตที่ดีแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียน และการทำงาน ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับผู้อื่น เกิดบรรยากาศที่ดี และทำให้มีความสุขในชีวิตมากขึ้น 
10 วิธี คลายเครียด มีดังนี้  

1. ฟังเพลง หามุมสงบ

     นั่งปล่อยใจให้ล่องลอยอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วฟังเพลง เบาๆ โดยเฉพาะเพลงจำพวก Meditation ซึ่งเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายแบบตามความต้องการ ทั้งเสียงของดนตรี บรรเลง หรือเสียงธรรมชาติ จำพวกเสียงคลื่น.. เสียงน้ำตก.. เสียงนกร้อง รับรองว่าจะช่วยสร้างสมาธิให้กลับคื่นสู่สมอง และจิตใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ในช่วงระยะเวลาเพียงสั้นๆ
2. ฉายเดี่ยวดูภาพยนตร์

     ขอแนะนำให้ฉายเดี่ยวแล้วตีตั๋วดูหนังดีๆ สักรอบ เพราะการไปดูหนัง เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะปลดปล่อยความรู้สึกให้ ล่องลอยอย่างเป็นอิสระ ไม่จมอยู่กับปัญหา และยังเป็นการระบายความอัดอั้นตันใจได้อย่างเห็นผล แต่ต้องถามตัวเองก่อน ว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน เช่น ถ้าอยากร้องไห้ก็ไปดูหนังรักเศร้าเคล้าน้ำตา แล้วก็ร้องไห้ออกมาให้พอ หรือถ้าเครียดจัดก็จงไปดูหนังตลกแล้วหัวเราะให้หลุดโลกไปเลย

8 วิธีบริหารสมองให้สดชื่น

8 วิธีบริหารสมองให้สดชื่น


เมื่อรู้สึกอ่อนเพลีย สมองไม่แล่น ลองมาดูวิธีการบริหารสมองอย่างง่าย เพื่อความสดใส กระตุ้นความคิดแจ่มใสระหว่างวันกัน..  
     1. ประสานงานสมอง การเขียนเลข 8 ในอากาศด้วยมือทั้ง 2 ข้างๆ ละ 5 ครั้ง โดยเริ่มจากด้านซ้ายของเลขก่อน แล้วเขียนวนไปให้เป็นเลข 8 วิธีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการอ่าน และการทำความเข้าใจดีขึ้นและทำให้สมองด้านซ้ายและด้านขวาประสานงานกัน

     2.
 น้ำเปล่าหล่อเลี้ยงสมอง วางขวดน้ำไว้ใกล้ๆ โต๊ะของคุณเป็นประจำ และคอยจิบทีละน้อย วิธีนี้จะช่วยให้จิตใจและร่างกายของคุณตื่นตัวตลอดเวลา และสมองก็จะเปิดว่าง สามารถรับสารหรือข้อมูลได้ดี เพราะน้ำจะช่วยปรับสารเคมีที่สำคัญในสมองและระบบประสาท ถ้าเวลาที่รู้สึกเครียดเพราะขาดน้ำ จึงควรจิบน้ำเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำเพื่อไปหล่อเลี้ยงระบบของร่างกาย

     3. นวดจุดเชื่อมสมอง วางมือข้างหนึ่งไว้บนสะดือ มืออีกข้างหนึ่งใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้วางบนกระดูกหน้าอกบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้า และค่อยๆ นวดทั้ง 2 ตำแหน่งประมาณ 10 นาที วิธีนี้จะช่วยลดความงงหรือสับสน กระตุ้นพลังงานและช่วยให้มีความคิดแจ่มใส

เทคนิคการคูณด้วยเลข 9

เทคนิคการคูณด้วยเลข 9




ถ้าพูดถึงคำว่าคณิตศาสตร์หลายๆ คนคงจะเริ่มมีอาการแตกต่างกันไป ซึ่งสำหรับส่วนตัวแล้วผมเองก็ยอมรับว่ามีอาการเช่นกัน ยกเว้นคณิตศาสตร์บางแขนงที่เรียนแล้วรู้สึกว่าสนุกและชอบ แต่ถ้าเป็นเรื่องของการคำนวณยากๆ ก็เริ่มมีอาการอยากหนีไปไกลๆ เช่นกัน
แต่ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ชีวิตของเราไม่สามารถหนีเรื่องราวที่เกี่ยวกับคณิตศาสตร์ได้เลย เพราะจริงๆ แล้วคณิตศาสตร์คือเครื่องมือที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาเพื่อใช้วัดค่า,ประมวลค่า เพื่อนำไปเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างสิ่งต่างๆ หรือแม้แต่ความรู้สึกที่ปกติจะไม่สามารถวัดค่าได้ แต่มนุษย์เราก็ยังพยายามหาทางวัดความรู้สึกออกมาเป็นตัวเลขจนได้
สำหรับเทคนิคการคูณด้วยเลข 9 นี้ เป็นความรู้ที่ผมอ่านเจอในหนังสือเมื่อประมาณเกือบ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเทคนิคนี้ช่วยให้เราหาผลลัพธ์จากการคูณด้วยเลข 9 ได้อย่างรวดเร็วจนคนทั่วไป "งง" หรือไม่ก็ออกอาการไม่เชื่อคิดว่าเรา "มั่ว" หรือเปล่า.. ซึ่งเราสามารถพิสูจน์ให้คนที่ไม่เชื่อในความสามารถของเรา (555 ขำตัวเองแป๊บ) โดยการนำเครื่องคิดเลขมาเฉลยให้เขาดู
เทคนิคการคูณเลขตัวเดียว ด้วยเลข 9
สำหรับเทคนิคการคูณเลขตัวเดียวด้วยเลข 9 มีทริกคือ 9 คูณด้วยเลขอะไรก็ตาม ให้ลดค่าเลขตัวนั้นลง 1 เหลือเท่าไรให้หาตัวเลขที่รวมกันแล้วได้ 9 มาเติมท้าย ตัวอย่างเช่น

เรียนต่อแพทย์เมืองนอก

USA
       การเรียนต่อแพทย์ที่อเมริกานั้น เป็นไปได้ยากมาก ถึงยากสุดๆ สำหรับคนที่ไม่ถือสัญชาติอเมริกัน หรือไม่มีบัตร กรีนการ์ด 
       ระบบการเรียนแพทย์ของที่อเมริกา เป็นระบบ Graduate School 4ปีหมายความว่าคุณจะต้องเรียนปริญญาตี4ปีให้จบก่อน สาขาใดก็ได้ แต่ต้องลงวิชาบังคับพวก ไบโอเคม แคลคูลัส ทั้งหลายเรียกว่า Premed Track 
       ทีนี้ พอคุณจบ 4ปี คุณต้องสอบข้อสอบกลาง เรียกว่า MCATซึ่งวัดความรู้ด้านไบโอ เคมี คณิตย์ และยากมากๆ และการที่เด็กประเทศเค้าเอง จะติดแพทย์ดีๆได้ ต้องมี GPA 3.6+ MCAT 80%+ ซึ่งยังไม่รวม การ volunteer ต่างๆอีกด้วย  เด็กต่างชาติอย่างเรา เกณฑ์ก็ปรับสูงขึ้นไปอีกจนเกือบสุดเลย ดังนั้น การเรียนต่อแพทย์ที่อเมริกานั้น ไม่เพียงใช้เวลา8ปีแล้ว ยังยากสุดๆ 

England, Scotland
       การเรียนต่อมหาวิทยาลัยต่างๆในอังกฤษได้นั้น จะต้องจบหลักสูตร A-level หรือ IB เท่านั้น 
หากเป็นสาขาอื่นๆ อาจจะพอเรียน Foundation Year 1 ปี ได้ แต่ถ้าจะเรียนแพทย์แล้ว หากไม่ได้จบ A-level หรือ IB มาโดยเฉพาะ จะต้องเรียน A-level สองปีถึงมีสิทธิสอบเข้าแพทย์ได้ ข้อสอบของอังกฤษนั้นมีสองแบบ UKCAT และ BMAT(เอาไว้สอบเข้าพวก Cambridge, Oxford, Imperial)
แต่ ที่อังกฤษ ยังมีอีกมหาวิทยาลัยนึง ที่สามารถเข้าได้ง่ายกว่าที่อื่นๆ คือ St.George นั้นเอง สามารถ Foundation Year เพียงปีเดียวก็เข้าเรียนแพทย์ได้เลย แต่ค่าเทอมที่นี้ก็แพงมากๆ ผมจำไม่ได้แล้วว่าเท่าไหร่ แต่น่าจะประมานปีละ 2ล้านกว่าบาท

5 เว็บไซต์ สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการฝึกและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ

5 เว็บไซต์ สำหรับเพื่อนๆ ที่ต้องการฝึกและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ



เว็บไซต์ดังระดับโลกที่รวบรวมคลิปบรรยายของผู้มีชื่อเสียงเอาไว้มากมาย แต่ละคลิปจะมีซับไตเติ้ลให้ด้วย และความพิเศษสุดๆ คือบางคลิบมีทั้งซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษและภาษาไทย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมือใหม่ที่เริ่มหัดภาษาด้วยตัวเอง

6 เทคนิค การอ่านหนังสือเตรียมสอบ ให้ได้ผลใน 1 เดือน



เทคนิค 6 ข้อ ที่ควรทำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบให้ได้ผล ใน 1 เดือน ซึ่งอาจจะมีข้อสำคัญสำหรับน้องๆ คือ การเลิก Chat ไปสักระยะ (แหม ข้อนี้ทำร้ายจิตใจกันจริงๆ นะคะ) แต่ก็นั่นล่ะค่ะ แชทมากไปก็ไม่ดี น้องๆ ก็รู้อยู่ แชทพอให้หายเครียดก็คงเป็นทางสายกลางที่น่าจะทำนะคะ.. เอ๊า มาดูกัน ว่ามีเทคนิคอะไรน่าสนใจบ้าง


1.ต้องเลิกเที่ยว เลิกดื่ม เลิกสร้างบรรยากาศที่ไม่ใช่การเตรียมสอบ เลิก chat ตอนดึกๆ เลิกเม้าท์โทรศัพท์นานๆ ตัดทุกอย่างออกไป ปลีกวิเวกได้เลย ต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้อย่าคิดเลยว่าจะสอบติด ฝันไปเถอะ

2.ตัดสินใจให้เด็ดขาด ว่าต่อไปนี้จะทำเพื่ออนาคตตัวเอง 

บอกเพื่อน บอกพ่อแม่ บอกทุกคนว่า อย่ารบกวน ขอเวลาส่วนตัว จะเปลี่ยนชีวิต จะกำหนดชีวิตตัวเอง จะกำหนดอนาคตตัวเอง เพราะเราต้องการมีอนาคตที่กำหนดได้ด้วยตัวเอง ใช่หรือไม่

'1 นาที สูงขึ้น 1 เซนติเมตร' เทคนิคดีๆ จากแพทย์โรคกระดูกญี่ปุ่น

'1 นาที สูงขึ้น 1 เซนติเมตร' เทคนิคดีๆ จากแพทย์โรคกระดูกญี่ปุ่น


            ต้องบอกว่าเรื่องความสูงนี่ก็สำคัญมาก โดยเฉพาะน้องผู้หญิง เช่น คณะพยาบาล กำหนดส่วนสูง 150-155  ซม. จะเป็นแอร์ หรือ ตำรวจหญิง ก็กำหนดส่วนสูงอีก ใครความสูง แบบเกือบถึงนี่คงต้องหาวิธีให้ตัวเองสูงขึ้น !!

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

7 อาชีพ ที่จะทำได้อย่างเสรีทั่วทั้งอาเซียน


ไม่ว่าจะรายการทีวี ข่าว สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ พากันพูดถึง AEC ค่อนข้างบ่อยทีเดียว ทว่า AEC คืออะไรและดีอย่างไร? รวมถึงมีอาชีพไหนบ้าง ที่ได้โอกาสทำงานในอาเซียนได้อย่างเสรี วันนี้ Vconnex จะนำมาเล่าให้ฟังคร่าวๆ กันค่ะ
AEC ย่อมมาจากชื่อเต็มๆ ว่า Asean Economics Community เป็นการรวมตัวของประเทศในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ คือ ไทย พม่า ลาว  เวียดนาม  มาเลเซีย สิงคโปร์  อินโดนีเซีย  ฟิลิปปินส์  กัมพูชา บรูไน เพื่อที่จะให้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจร่วมกัน มีรูปแบบคล้ายๆ กลุ่ม Euro Zoneนั่นเอง โดยมีผลประโยชน์ อำนาจต่อรองต่างๆ กับคู่ค้าได้มากขึ้น และการนำเข้า ส่งออกของชาติในอาเซียนทำจะเสรี ยกเว้นสินค้าบางชนิดที่แต่ละประเทศอาจจะขอไว้ไม่ลดภาษีนำเข้า (เรียกว่าสินค้าอ่อนไหว) โดยอาเซียนจะรวมตัวเป็น “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” อย่างจริงจังในวันที่ 1 มกราคม 2558 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า
และจากผลจากการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 9  ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ได้กำหนดให้จัดทำข้อตกลงยอมรับร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangements : MRAs) ด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนักวิชาชีพ หรือแรงงานเชี่ยวชาญ หรือผู้มีความสามารถพิเศษของอาเซียนได้อย่างเสรี ด้านคุณสมบัติในสาขาอาชีพหลัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย นักวิชาชีพ แรงงานเชี่ยวชาญ หรือผู้มีความสามารถพิเศษได้อย่างเสรีข้อตกลงเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือไปทำงานในประเทศกลุ่มอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้อย่างเสรี ได้กำหนดครอบคลุม 7 อาชีพ และก็มีข่าวว่าอาจจะมีการเพิ่มจำนวนอาชีพขึ้นมาอีกในลำดับถัดไป สำหรับ 7 อาชีพที่มีข้อตกลงกันแล้วให้สามารถเคลื่อนย้ายไปทำงานได้อย่างเสรี ได้แก่

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ประวัติโรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์












ประวัติโรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์
          โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ ได้จัดตั้งขึ้นตามโครงการปรับปรุงโรงเรียนมัธยมศึกษา  จังหวัดสตูล  ตามประกาศใช้แนวการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับใหม่)
          ปีพุทธศักราช  2520 โดยจัดตั้งเป็นโรงเรียนสังกัดจังหวัดแห่งที่ 2 ของจังหวัดสตูลแบบสหศึกษา 11 มีนาคม 2520 เปิดเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (ม.ศ.1) จำนวน 2 ห้องเรียน มีนักเรียนจำนวน 80 คน ครู 4 คน โดยใช้สถานที่และอาคารเรียนของโรงเรียนตลาดพิมาน (วันครู 2503) เป็นการชั่วคราว                
โดยมี  นายมนูญ    แสงเจริญ อาจารย์ 1 โรงเรียนสตูลวิทยา ทำหน้าที่ประสานงานกรมสามัญศึกษา ประจำสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดสตูล มารักษาการในตำแหน่งครูใหญ่
          - 3  กุมภาพันธ์ 2521 ได้ย้ายสถานที่เรียนจากโรงเรียนตลาดพิมาน (วันครู 2503)  มาอยู่เลขที่   2  ถนนสตูลธานี  ตำบลพิมาน อำเภอเมือง
จังหวัดสตูล  มีเนื้อที่ทั้งหมด 25 ไร่ โดยใช้อาคารเรียนของโรงเรียนสตูลวิทยา ซึ่งย้ายไปอยู่แห่งใหม่ ที่ตำบลคลองขุด
         - ปี พ.ศ. 2523  นายเทียน  ตั้งจิตศีล  ได้มอบที่ดินจำนวน2 ไร่ 15  ตารางวา ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 4  ตำบลคลองขุด  อำเภอเมือง  จังหวัดสตูล เพื่อใช้เป็นที่ปลูกสร้างบ้านพักครู
         - ปี พ.ศ. 2525 ได้รับอนุมัติให้เปิดเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย  จำนวน 3 ห้องเรียน  มีนักเรียน 1,537  คน   ครู 80 คน
         - ปี พ.ศ.2540 ได้เข้าโครงการปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพการศึกษา

ตารางรับตรง มอ. ปี 58 ^^



คณะผู้นำเชียร์ บุษราคัม โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์